ราชาตัวน้อย

คำนิยามของคำว่า "กำไรชีวิต" ของคุณคืออะไร? สำหรับผมคำว่า กำไรชีวิต คือ การได้พบปะกับผู้คนที่หลากหลาย การเดินทางท่องไปทั่วโลก การได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมภายใต้บทบาทหน้าที่อันได้รับมอบหมาย รวมทั้งการได้แบ่งปันสิ่งต่างๆ ที่เป็นแร็งบันดาลใจผ่านการพูดคุยเรื่องราวต่างๆให้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบตัวผม แค่นี้ก็พอแล้วหละสำหรับ คำว่า กำไรชีวิต

มุมมองของคนตัวเล็กๆ

"สิ่งที่ทุกคนเห็นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิดเพราะมนุนษย์มีความซับซ้อน เราจึงอยากจะเข้าใจคนอื่น และเข้าใจตัวเอง"

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

หิ้วกล้องตะลุยเที่ยว"ทัชมาฮาล" แบบ alone ทัวร์




สำหรับผมสถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนสถานที่บันทึกเรื่องราวดีๆ เมื่อครั้นวันวาน ดังนั้นพอได้กลับมาเที่ยวอีกครั้ง ผมจึงได้แต่นั่งนิ่งๆ คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ และเดินเก็บรูปภาพสวยๆ  ไปเรื่อยๆ ประโยคบางประโยคผุดขึ้นมาในหัวสมองนั้นคือคนเราไม่ลืมไม่มี มีแต่จะลืมช้าหรือลืมเร็ว


มาฟังประวัติโดยย่อของ ทัชมาอาลกันดีกว่าครับ  ทัชมาอาลเป็นสุสานหินอ่อนขนาดใหญ่ที่สวยงามสมบูรณ์ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมนา  เมืองอักรา ทัชมาฮาลสร้างขึ้นมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อประมาณค.ศ. 1630 - 1652  ใช้เวลาก่อสร้าง 17 ปี  ใช้เวลาตกแต่ง 5 ปี  รวมเวลาทั้งหมด 22 ปี  ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 30 ล้านรูปี   โดยพระเจ้าชาห์  เจฮัล   กษัตริย์แห่งราชวงศ์โมกุล   เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่มีต่อพระมเหสีมุมตัส   สุสานทัชมาฮาลสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวเป็นรูปโดมตามแบบสถาปัตยกรรมเปอร์เซียสูง 61 เมตร   ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมที่มีความกว้างด้านละ 95 เมตรหนา 5 เมตร   มีหอคอยยอดแหลมสูง 95 เมตร   ตั้งอยู่ที่มุมของฐานประจำ 4 ทิศ   ใช้คนงานในการสร้างประมาณ 22,000 คนควบคุมการสร้างโดย  อัสตาด  ไอซา  สถาปนิกในสมัยนั้น


ท่านมหาตมะคานทีเคยให้นิยามเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ว่า เป็นปฏิมากรรมแห่งการสังเวยชีวิตผู้คนอันหลายหมื่นแสนคน ความงดงามที่เต็มไปด้วยเสียงร่ำให้ ความทุกข์ทรมารอันแสนสาหัสของพวกทาส มีวัตถประสงค์เพียงเพื่อสรรค์สร้างอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ราชามีต่อชายา   อืม.....มันเป็นเรื่องน่าคิดเหมือนกันนะ


 ผมชอบประสาทหลังนี้มากกว่าประสาทสีขาวที่ทำด้วยหินอ่อน เหตุผลเพราะมันเงียบสงบมากเวลาลมพัดผ่านบานประตูเราจะได้ยินเสียคล้ายๆบทเพลงจากธรรมชาติที่ไพเราะมากๆ ยิ่งเวลาแสงอาทิตย์กระทบกับประสาทหินสีน้ำตาลมันช่างงดงามจริงๆ งามเกินกว่าถ้อยคำทางภาษาจะบรรยายได้



ทุกลายละเอียดถูกสร้างสรรค์ด้วยความตั้งใจ เฉกเช่นความรู้สึกอันละเอียดอ่อน และซับซ้อนของมนุษย์ผู้เต็มไปด้วยความทรงจำ

 




เรื่องราวของความรักเกิดขึ้นที่นี่และสิ้นสุดลงที่นี่เช่นกัน.....ปราสาทสีดำไม่สามารถปรากฎเคียงคู่กับปราสาทสีขาวได้มันคงเป็นเพียงตำนานถูกเล่าขานจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนรุ่นหนึ่งต่อไปเรื่อยๆ



หรือมันอาจจะเป็นได้แค่ความทรงจำที่น่าจดจำ แต่ทุกย่างก้าวที่ได้มาเหยียบสถานที่แห่งนี้อีกครั้งมันทำให้ผมคิดถึงใครบาง คนจัง  "ทัชมาฮาล"


โบกมืออำลาคุณพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าที่นี่......ทัชมาฮาล

บวชให้ยาย

เริ่มต้นด้วยงานบวชให้ยาย สิ่งที่ตั้งใจทำเพื่อยายของผมกิจกรรมที่ทำให้แม่และครอบครัวของผมเกิดรอยยิ้มความปราบปลื้มใจ รวมทั้งตัวผมเองด้วย ก่อนที่จะเดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ที่อินเดีย
แม่ตัดผมให้ผมพร้อมให้พร พร้อมกับญาติๆ ลุงป้า น้า อา ของผมที่ผมนับถือ

ตามอุ้ยใจ๋เพื่อนสนิทของยายผมและญาติพี่น้องท่านอื่นๆ

 เจ้าอาวาทวัดพนาลัย หมู่บ้านที่ผมถือกำเนิด

 ก่อนที่จะเป็นพระโดยสมบูรณ์แบบลุงของผมและพระเณรช่วยกันใส่เครื่องแบบเต็มยศให้ผมด้วย

 หลายๆคนปราบปลื้มใจจนน้ำตาไหล ผมก็คงเป็นเช่นนั้นด้วย
                                        
         หลังจากนั้นไม่นานผมก็เดินทางมาใช้ชีวิตนักศึกษาอีกครั้งที่เมืองเล็กๆ ณ รัฐปันจาบ ในสาขาวิชา ปรัชญา ที่เมืองของ "มารีโอ้" เกมส์ที่ผมชอบเล่นในสมัยเด็กๆ ผมจินตนาการไม่ออกว่าจะสู้กับสภาวะอารมณ์ ความรู้สึกของตนเองได้ไหม กับการใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียวในครั้งแรก  แต่ที่แน่ๆ คนอย่างผมถ้าคิดจะลุยแล้วต้องถึงที่สุด คนเราคิดจะเก้าไม่มีคำว่าถอยหลัง อืม....มันช่างเป็นเรื่องที่ท้าทายและยากยิ่งนักสำหรับผู้ชายตัวเล็กๆอย่างผมแต่ผมเชื่อว่าผมทำได้

แร็งบันดาลใจในการทำเว็ป....การเดินทางท่องเที่ยว และบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ กับคนตัวเล็กที่ทำอะไรไม่ได้ดีสักกะเรื่อง

หากถามว่าการตัดสินใจเดินทางมาอินเีดียครั้งแรกของผม ใครเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน คำตอบก็หนีไม่พ้นคือ คนที่อยู่รอบข้างผม อาทิเช่น คนสนิททีเคยเป็นเงาของผม ยาย แม่ พี่ชาย อาศรมวงค์สนิท ดร. มณี รามูวานา และเพื่อนๆ พี่ๆ   ทุกคนให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนผมมาตลอด

แต่ถ้าถามว่าใครเป็นคนที่มีอิทธิพลในเรื่องของการให้ทัศนะการดำเนินชีวิตแก่าผมและทำให้ผมกล้าคิดกล้าทำ กล้าที่จะตัดสินใจแหกกระแสสังคมในการที่จะคิดหรือทำบางอย่างในบางมิติอันยากจะอธิบายได้ คนๆนั้นคือ คุณยายของผมเองครับ ท่านมักสอนผมเสมอว่า

"เกิดมาเป็นมนุษย์อย่าไปแคร์อะไรกับสังคมมาก พึงมีสติระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ และทำตัวให้ดีมีศีลธรรมประจำใจคิดดีทำดีแค่นั้นก็พอแล้ว" และคำพูดที่ว่า "อย่ากลัวกับการทำผิด ผิดแล้วให้จำ คนไม่เคยทำผิด คือ คนที่ไม่เคยทำอะไร" 


           วันเวลาผ่่านมากอย่างรวดเร็วหลังจากผมเรียนจบ และกลับมาอยู่กับยายได้แค่เพียงสองเดือน จากนั้นยายของผมก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตกระทันหัน ผมเสียใจมากที่ไม่ได้ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับยาย คือ การพาท่านขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวที่ กรุงเทพ หรือ เชียงใหม่  เพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับเรื่องการสมัครงาน และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ผมไม่ชอบเดินทางโดยเครื่องบิน(ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ)เพราะทำให้ผมเกิดความรู้สึกเหงาคิดถึงยายทุกครั้งเมื่อนั่งเครื่องคนเดียว
           ก่อนเดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ที่อินเดียในครั้งนี้ ผมจึงตั้งใจบวชอุทิศส่วนกุศลให้ยาย และอยากจะบวชเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตที่โสดสนิท  ซึ่งเป้าหมายหลักในการผจญภัยในครั้งนี้มีเรื่องเรียนเป็นเรื่องหลัก ส่วนเรื่องเที่ยวเป็นเรื่องรอง และทุกๆเรื่องราวจะถูกบันทึกไว้ใ้ห้ครอบครัวและเพื่อนรวมทั้งคนที่สนใจได้รับรู้ความเคลื่อนไหวของผมและเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ซึ่งผมจะหาเวลามาบันทึกเรื่องราวเหล่านี้เรื่อยๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ผมสัญญา